เป็นไปตามที่ทำนาย หลังวันที่ 15 ตุลาคม 2565 พายุเริ่มเบาอากาศเย็นใจสบาย แต่เดียวจะหมดโปร 17 พฤศจิกายน 2565
เป็นไปตามคาดภัยพิบัติเริ่มทยอยลดลงหลังวันที่ 15 ตุลาคม 2565 พายุต่างๆยังเดินทางเข้ามาในประเทศไทยต่อเนื่อง เมื่อเวลาเรามองภาพข่าวสภาวะจะดูข้างหน้ารุนแรมแต่แท้ที่จริงแล้วไม่รุนแรงอย่างที่คิด โดยเฉพาะพลังงานในเรื่องของลมซึ่งเป็นตัวแทนพระวิษณุกรรมที่เดินผิดปกติได้โคจรสัมผัสถึงพระพิฆเนศก็ตามแต่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่าลืมว่ามีเทวดาทั้งหลายปกปักรักษาควบคุมพลังงานลมเช่นเดียวกันดังนั้นเวลาลมผ่านเข้ามาก็จะเกิดการหักศอกขึ้นเราจะเห็นได้ว่าพายุต่างหากศอกไม่เข้าประเทศไทยเหมือนกับช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ( ย้อนกลับบทความเดิมๆที่เราได้เขียนบันทึกเอาไว้นะ )
พระวิษณุกรรมได้โคจรสัมผัสถึงพระพิฆเนศก็ตามแต่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่าลืมว่ามีเทวดาทั้งหลายคอยปกปักรักษาควบคุมพลังงานลมเช่นเดียวกันดังนั้นเวลาลมผ่านเข้ามาก็จะเกิดการหักศอกขึ้นเราจะเห็นได้ว่าพายุต่างหากศอกไม่เข้าประเทศไทยเหมือนกับช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
แต่เราจะยังเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะค่อยๆเริ่มคลายตัวลงเพราะเนื่องจากสภาวะที่จะเริ่มจะอยู่ในสถานะปกติแล้ว
สภาวะอากาศจะร้อนไหม
สภาวะอากาศความร้อนนั้นส่วนใหญ่จะไม่ค่อยร้อนมากเนื่องจากพรของพระแม่อุมายังคงสานพลังเบาๆทำให้โครงสร้างทำความร้อนไม่ร้อนจนเกินไปและไม่หนาวจนเกินไปสภาวะนี้จะยังคงเป็นลักษณะอย่างนี้ต่อเนื่อง อีกประการมีพระพรหมเองยังคงปกปักรักษาสภาวะความร้อนจากพระนารายณ์ทำให้ความร้อนไม่ร้อนจนเกินไป
ประการหนึ่งพระอินทร์ที่คุ้มครองลัคนาดวงเมืองในปัจจุบัน กำลังจะเคลื่อนคล้อยไปอยู่ในลัคนาราศีตุลย์จึงทำให้สภาวะประเทศไทยจะซึมครึ้มเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง อากาศประเทศไทยจะค่อยดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคมเป็นต้นไป จนถึงประมาณวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565สาเหตุที่ทำไมผมถึงกำหนดในวันที่ 15 ตุลาคม 2565 เป็นวันที่อากาศจะค่อยๆดีขึ้น
ผลจากที่เราผ่านการเรียนโหรผู้ให้ฤกษ์.....เรารู้ว่าอากาศจะค่อยๆดีขึ้น เนื่องจากว่าตรงบริเวณลัคนาเมถุนแม้ว่าจะสัมผัสกับพระวิษณุกรรมที่เดินผิดปกติอยู่นั้น แต่และอยู่ในเรือนมรณะและวินาศะทั้งพระนารายณ์และพระศิวะมหาเทพ ที่สำคัญลัคณาเมถุสัมผัสกับพลังแห่งความสบายไม่ว่าจะเป็นพระพรหม พระฤาษีต่างๆ พระกฤษณะ แม้เกิดลมพัดหวนแต่สภาวะเย็นสบายนี่แหละครับเป็นสิ่งที่เราได้สัมผัสและเห็นถึงและรวมถึงการสะสมความรู้จากสิ่งที่พ่อครูได้สอนสั่งเรามา
0 comments